วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

10 สุดยอดเมืองน่าเที่ยวประเทศอังกฤษ


“อังกฤษ” ดินแดนที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝันถึง ที่นี่คือดินแดนที่หลากหลายทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งผสมผสานกันระหว่างเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย สถาปัตยกรรมที่สง่างาม ทั้งวิหารและพระราชวังเก่า ที่เหมาะสมกับการเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงอาคารสมัยใหม่รูปร่างแปลกตา ผนวกรวมกับเมืองเล็กๆ ในชนบทที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและเทือกเขาได้อย่างลงตัว

แหม... แค่หลับตานึกภาพจินตนาการผู้เขียนนี่ก็แทบจะหอบข้าวหอบของไปดูให้เห็นกับตาเลยล่ะค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน!! คิดอยากจะไปเที่ยวอังกฤษนี่ เตรียมตัวกันพร้อมแล้วเหรอคะ พาสปอร์ตและวีซ่าเข้าประเทศมีหรือยัง ตั๋วเครื่องบินล่ะมีไหม แล้วพ็อกเก็ตมันนี่ที่ติดกระเป๋าไปเนี่ยเพียงพอหรือเปล่า  แต่ถ้าทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วล่ะก็ ปักหมุดจุดหมายปลายทางในฝันแล้วเดินทางไปกันโลดค่ะ อย่าได้รีรอ

ลอนดอน (London) เมืองหลวง 2,000 ปี



“ลอนดอน” เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ ที่ใครวางแผนมาเยือนดินแดนผู้ดีแล้วไม่ปักจุดเมืองนี้ไว้ในแผนการแล้วล่ะก็ อย่ามาให้เสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินเลยดีกว่า เพราะเอาแค่ไปเที่ยวในจุดสำคัญๆ ก็น่าจะใช้เวลาปาไป 2-3 วันแล้ว ลอนดอนเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายอารมณ์ ทั้งความเก่าและความใหม่ ความเจริญทันสมัยและพื้นที่ป่า หรือจะดูกีฬามันๆ สลับกับดูละครเวทีคลาสสิกในวันเดียวกันก็ยังได้ ที่สำคัญมันยังเป็นเมืองหลวงสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพหรือเซลฟี่ด้วยล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะถ่ายจุดไหนมุมไหนก็ดูสวยไปเสียหมด หรือจะเลือกถ่ายแค่บางจุด ริมแม่น้ำเทมส์ที่เดียวก็น่าจะได้ภาพสวยๆ เป็นหลักพันแล้ว ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ไหนจะหอนาฬิกาบิ๊กเบน ลอนดอนอาย สะพานทาวเวอร์บริดจ์ หอคอยลอนดอน วิหารเวสต์มินสเตอร์ ฯลฯ จุดท่องเที่ยวระดับโลกทั้งน้าน ยังงี้จะให้อดใจยังไงไหวใช่ไหมล่ะคะ

วิลต์เชอร์ (Wiltshire) กับกองหินปริศนา Stonehenge



สโตนเฮนจ์ หรือกองหินลึกลับที่ตั้งตระหง่านกลางสนามหญ้าในชนบทวิลต์เชอร์แห่งนี้ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนสร้าง และสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่ออะไร สิ่งที่รู้ก็เพียงแค่มันอยู่ที่นี่มาแล้วนับ 5,000 ปี เรียกได้ว่าอยู่มาก่อนยุคประวัติศาสตร์ของยุโรปเสียอีก ที่สำคัญที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วย และแม้จะมีผู้คนบางส่วนค่อนแคะว่า มาสโตนเฮนจ์แล้วไม่เห็นจะมีอะไรให้ดูเลย ใช่ค่ะ ถ้าใครมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์แค่อยากชมความยิ่งใหญ่อู้ฟู่ และถ่ายภาพคู่กลับบ้าน เขาก็จะมองเห็นแค่เพียงกองหินกองหนึ่งเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่ดึงดูดให้คนนับล้านเดินทางมาที่นี่ในแต่ละปี ก็คือความลึกลับน่าแปลกใจที่แฝงไว้ด้วยปริศนาให้ขบคิดถึงความเป็นมาของสโตนเฮนจ์นี่เอง

หมู่บ้านชนบทแสนน่ารัก แห่งคอทส์โวลส์ (The Cotswolds)



อย่างที่บอกค่ะว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ค่อนข้างวาไรตี้ ดังนั้นถ้าคุณชอบสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ ชอบความหรูหราแบบผู้ดีอังกฤษจริงๆ ก็ต้องไปลอนดอน แต่ถ้าชอบเรื่องลึกลับก็ให้ไปที่วิลต์เชอร์ หรือถ้าชอบวิวสวยๆ ออกแนววินเทจในบรรยากาศแบบชนบทของฝรั่งก็ต้องไปที่นี่เลยค่ะ “คอทส์โวลส์” ที่ให้อารมณ์เหมือนกับเดินอยู่ในโลกของนิทานยังไงยังงั้น ด้วยภาพของเนินเขา ทุ่งหญ้า ป่าไม้ และแม่น้ำสายน้อยที่ไหลผ่าน นี่ยังไม่รวมถึงหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยที่มีชื่อว่า Bibury Village นะคะ ที่นี่จึงเหมือนกับสถานพักตากอากาศสำหรับการพักผ่อนและผ่อนคลายของผู้คน โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ถ้าไม่เดินโต๋เต๋ดูกระท่อมหินสีเหลืองทอง เยี่ยมฝูงสัตว์ในฟาร์ม ถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ ช้อปปิ้งร้านขายสินค้าวินเทจ ที่นี่ก็มีจักรยานให้ปั่นเล่นรอบๆ ค่ะ หรือถ้าขี้เกียจ จะจ้างรถคลาสสิกพาชมรอบๆ ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ 

ยอร์ก (York) นครแห่งกำแพงโบราณ ชมมหาวิหาร York Minster



อีกหนึ่งเมืองของอังกฤษที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด ต้องไปที่นี่เลยค่ะ "ยอร์ก" เมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่มีกำแพงโบราณรายล้อม ที่นี่มีไฮไลท์คือ York Minster โบสถ์ในสถาปัตยกรรมโกธิคที่งามสง่าเลอค่าแก่การเสียเงิน 9 ปอนด์เข้าชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าอยากปีนบันได 275 ขั้น ขึ้นไปชมวิวบนยอดวิหารด้วยก็จ่ายไปเลยค่ะ 15 ปอนด์ จากนั้นก็เข้าไปชมข้างในกันเลย โดยจุดหลักๆ ภายในที่ต้องไปถ่ายภาพให้ได้เลยก็คือ The Nave โถงวิหารกลางหลังคาทรงสูงที่สร้างและตกแต่งในสไตล์โกธิค  

จุดที่สองก็คือ The King's Screen ที่เป็นรูปปั้นกษัตริย์อังกฤษยืนเรียงรายกันอยู่ ต่อไปก็คือกระจกสีที่ชื่อ Five Sisters Windows ซึ่งมีทั้งหมด 5 บาน อลังการด้วยความสูงถึง 16 เมตรแน่ะ แล้วก็อย่าลืมแวะชม The Orb ซะหน่อยนะคะ ตรงนี้เขาจะจัดเป็นนิทรรศการกระจกเขียนสีหลายๆ แบบเลย แล้วค่อยไปปีนหอคอยกัน  จะเป็นบันไดขึ้นไปค่อนข้างแคบและชันหน่อย จุดนี้สำหรับผู้สูงอายุไม่ขอแนะนำค่ะ เพราะกว่าจะขึ้นไปถึงนี่แทบลิ้นห้อยเหมือนกัน แต่พอไปถึงก็คุ้มค่าเหลือเกิน เพราะสามารถมองเห็นมุมสูงของยอร์กได้ทั่วเลย

บาธ (Bath) เมืองแห่งโรงอาบน้ำและน้ำพุร้อน



บาธคือเมืองเดียวของอังกฤษที่มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งก็สอดคล้องกับชื่อเมืองนั่นแหละค่ะ ที่มีรากศัพท์ที่แปลว่าอาบน้ำ ที่นี่เป็นเมืองเก่าในอดีตที่จักรวรรดิโรมันได้สร้างเอาไว้เมื่อ  2,000 ปีมาแล้ว โดยจุดเด่นของเมืองแห่งนี้ก็คือโรงอาบน้ำที่สร้างโดยสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันที่สวยงามและคลาสสิกมากๆ จะเรียกว่าสปาแบบโบราณก็คงไม่ผิด ซึ่งน้ำในบ่อนี่คือน้ำพุร้อนธรรมชาติอุณหภูมิ 95 องศาที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ นอกจากนั้นที่นี่ยังมี Thermae Bath Spa ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2006 ให้นักท่องเที่ยวได้มาแช่น้ำพุร้อนผ่อนคลายกันด้วย ซึ่งที่นี่จะตกแต่งด้วยศิลปะที่ผสมผสานกันระหว่างประวัติศาสตร์โบราณกับลวดลายในแบบร่วมสมัย อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งให้ได้ว่ายน้ำไปชมวิวที่สวยงามไปด้วยพร้อมๆ กัน

แคนเทอร์เบอรี่ (Canterbury) เมืองแห่งวิหารเก่าแก่

มาถึงอังกฤษทั้งที อีกสถานที่ซึ่งไม่ควรพลาดก็คือเมืองแคนเทอร์เบอรี่ ที่มีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษมาตั้งแต่สมัยที่ชาวโรมันเข้ามาตั้งถิ่นฐาน แล้วสร้างเมืองนี้ให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ จึงไม่แปลกใจที่เมืองแคนเทอร์เบอรี่จะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นโบสถ์หรือวิหารเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะมหาวิหารแคนเทอร์เบอรี่ ถือเป็นจุดแรกของเมืองที่สมควรไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้จะมีอายุมากกว่า 1,400 ปีแล้ว แต่ที่นี่ยังคงสง่างามและสร้างความน่าเกรงขามให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน คล้ายกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคกลางของอังกฤษเสียอย่างนั้น ซึ่งรวมไปถึงโบสถ์เซนต์มาร์ตินที่ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกคู่กับมหาวิหารแคนเทอร์เบอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดเช่นกันค่ะ

เคมบริดจ์ (Cambridge) เมืองมหาวิทยาลัยระดับโลก

เคมบริดจ์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ค่ะ ทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการศึกษาของประเทศอีกด้วย ส่วนในเรื่องของการท่องเที่ยว เคมบริดจ์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารในยุคเก่า ทั้งโบสถ์ที่มีชื่อเสียงอย่าง King’s college Chapel ห้องสมุดกลาง พิพิธภัณฑ์ โรงละคร เป็นต้น แต่ถ้าใครที่มีเวลาน้อยจนไม่สามารถเที่ยวได้ทั่ว ก็แนะนำให้ไปที่นี่เลยค่ะ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไปคือ ภายในจะแบ่งออกเป็นวิทยาลัยย่อยๆ หลายแห่งเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด คู่แข่งทางวิชาการที่สูสีกัน โดยเคมบริดจ์นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของการเรียนการสอน ที่การันตีจากจำนวนศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลโนเบลมากที่สุดในโลก ยังโดดเด่นด้วยความงามด้านสถาปัตยกรรมอายุกว่า 807 ปี ที่เพิ่มความขลังและความงามแบบคลาสสิกให้กับมหาวิทยาลัยมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังให้บรรยากาศที่โรแมนติกอีกต่างหาก เห็นอย่างนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่าอิจฉานักศึกษาที่นี่มากกกกกกกกกค่ะ

แมนเชสเตอร์ (Manchester)  ปีศาจแดงแห่งอังกฤษ



แมนเชสเตอร์อาจจะเป็นเมืองที่คุณผู้ชายไทยอยากไปเยือนมากที่สุดในประเทศอังกฤษก็ว่าได้ค่ะ โดยเฉพาะแฟนพรีเมียร์ลีก ซึ่งจุดประสงค์หลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแมนเชสเตอร์นั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากเมืองอื่นอยู่สักหน่อย เพราะส่วนใหญ่พวกเขาไม่ได้มาดูความเก่าแก่ ไม่ได้มาดูสถาปัตยกรรม และไม่ได้มาดูอะไรเลย นอกจาก 3 อย่างนี้ ฟุตบอล นักฟุตบอล และสนามฟุตบอลค่ะ แต่ไม่ต้องแปลกใจค่ะ เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของ 2 สโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ของประเทศอังกฤษ  ทั้งแมนเชสเตอร์ซิตี และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ดังนั้นจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นของแมนเชสเตอร์คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด และสนามซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์

ลิเวอร์พูล (Liverpool) You'll never walk alone



ว่ากันว่าถ้ามาเที่ยวอังกฤษแล้วไม่อยากเหงา เราต้องไปที่เมืองนี้เลยค่ะ “ลิเวอร์พูล” ถิ่นสโมสรหงส์แดง เมืองที่เป็นดั่งฐานทัพของเหล่า The Kop ที่พวกเขาจะทำให้การมาเยือนที่นี่ของคุณไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ดังเช่นเพลงเชียร์  You'll never walk alone ที่ดังก้องไปทั่วสนามแอนฟีลด์ ซึ่งการมาเยือนสนามแอนฟีลด์แห่งเมืองลิเวอร์พูล นอกจากคุณจะได้พบกับสุดยอดนักเตะขวัญใจตัวเองแล้ว ยังอาจจะได้เจอเพื่อนใหม่คอเดียวกันที่เดินทางมาจากทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนั้นแฟนตัวยงลิเวอร์พูลไม่ควรพลาดซื้อทัวร์เข้าชม LFC Museum ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ส่วนแฟนๆ ของพี่เจิด ตอนนี้สโมสรลิเวอร์พูลเขาเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ประวัติและเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ  ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดแล้ว ใครอยากรู้จักพี่เจิดแบบถึงไส้ถึงพุง รีบไปโลดค่ะ!

วินเดอร์เมียร์ (Windermere)  ดินแดนแห่งภูเขาและทะเลสาบ Lake District



ปิดท้ายทริปท่องเที่ยวอังกฤษ ขอไปเก็บบรรยากาศภาพความยิ่งใหญ่ของหุบเขาและทะเลสาบ พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์กันเสียหน่อย การเดินทางก็ไม่ยากเลยค่ะ ดูบอลเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปทางตอนเหนือของอังกฤษ ที่ตั้งอยู่เหนือเมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะเจอกับเมืองวินเดอร์เมียร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเลคดิสทริค  อุทยานแห่งชาติแสนโรแมนติก โดยกิจกรรมยอดนิยมของที่นี่ก็คือการซื้อตั๋วล่องเรือชมทะเลสาบสีฟ้าใส บ้านเรือนดีไซน์น่ารักริมทะเลสาบ และเทือกเขาที่สูงชัน ทั้งนี้บรรยากาศของการล่องเรือค่อนข้างหนาวนะคะ ยังไงก็อย่าลืมติดเสื้อคลุมเนื้อหนาติดไม้ติดมือไปด้วยล่ะ 

สุดท้ายนี้ขอแนะนำอีกนิดนะคะสำหรับใครก็ตามที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอังกฤษในอนาคต ถ้าอยากจะเที่ยวที่นี่ให้คุ้มทุกซอกทุกมุมล่ะก็ เวลาเพียงสัปดาห์เดียวไม่พอแน่นอนค่ะ เพราะแค่เที่ยวในลอนดอนเมืองเดียว ก็อาจจะกินเวลามากกว่า 3 วันเลยล่ะ ยังไงเสียมาทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้มกับค่าตั๋วเครื่องบิน และวีซ่าที่ขอมาอย่างยากลำบากค่ะ และที่สำคัญกว่านั้นคือ ในแต่ละเมืองของอังกฤษ บรรยากาศและสภาพแวดล้อมมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าพลาดไปสักเมืองนี่ต้องเสียดายไปอีกหลายเดือนแน่ๆ 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลจาก Content Marketing Story @Am2b Marketing

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น