วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

Must go and see : 5 แลนด์มาร์คแห่งบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน


นอกจากจะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสโมสรฟุตบอลชื่อดังระดับโลกแล้ว บาร์เซโลน่ายังเป็นที่รู้จักในฐานะของเมืองแห่งสถาปัตยกรรมแบบ Modern Architecture และศิลปะการตกแต่งแบบ Art Nouveau ทำให้บาร์เซโลน่ากลายเป็น A Must ที่พลาดไม่ได้จริงๆ หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวประเทศสเปนค่ะ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไม่ยอมที่จะพลาดบาร์เซโลน่าอย่างเด็ดขาด และก็ต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาที่นี่ ไปดูดีกว่าค่ะว่าบาร์เซโลน่ามีอะไรที่คุณต้องไปดูให้ได้บ้าง ไม่งั้นอาจเรียกว่ามาไม่ถึงจริงๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ

โบสถ์ซากราด้าแฟมิเลีย (SagradaFamilia) สิ่งก่อสร้างระดับโลก 



บาร์เซโลน่าถือเป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมยุโรปโกธิค ซึ่งมีสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Antonio Gaudi โดยงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดของเขาก็คือผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนเสียชีวิต กับโบสถ์ที่ยังสร้างไม่ทันเสร็จ แต่กลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในบาร์เซโลน่าอย่าง Sagrada Familia ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณมีเวลาน้อยมากๆ การได้มาที่นี่ ได้เดินชมความมหัศจรรย์และความงามกระจุ๋มกระจิ๋มเพียงรอบนอกของโบสถ์ แล้วถ่ายรูปกลับไป แค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ

แต่ถ้ามีเวลามากกว่านั้น บอกได้คำเดียวว่าเข้าไปชมข้างในเถอะค่ะ ในราคาค่าตั๋วคนละ 15 ยูโร แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่ากว่ามาก เพราะเพียงแค่ก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไป คุณก็จะได้พบกับรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวการถือกำเนิดของพระเยซูเหนือบานประตูที่ไม่ธรรมดา ด้วยดีไซน์ของโบสถ์ที่อลังการงานสร้างโดยการเน้นความใหญ่โตด้วยเส้นโค้ง มุมแหลม แทนที่จะใช้เส้นตรงหรือมุมฉากอย่างการก่อสร้างทั่วๆ ไป โดยผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบๆ ตัว อย่างเช่นต้นไม้ใบหญ้า สัตว์ สิ่งของ จนเกิดเป็นผลงานที่เรียกว่าโมเดิร์นนิสโมอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ

แล้วรู้หรือเปล่าคะว่าแม้โบสถ์แห่งนี้จะยังสร้างไม่เสร็จ แต่อายุของมันนั้นร้อยกว่าปีมาแล้วนะคะ น่าตกใจเนอะ เรียกว่าสร้างตั้งแต่สถาปนิกยังมีชีวิตจนกระทั่งเสียชีวิตไปแล้วก็ยังไม่เสร็จ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะงานละเอียดซะขนาดนี้ นอกจากนั้นที่นี่เรายังสามารถขึ้นไปดูข้างบนได้ด้วยนะคะ โดยจะต้องซื้อตั๋วที่ระบุว่า Top views ค่ะ โดยใช้ลิฟท์ขึ้นไปบนความสูง 65 เมตร จากความสูงตั้งแต่ฐานถึงยอดโบสถ์ 170 เมตรค่ะ แต่เขาก็จะปิดในวันที่สภาพอากาศเลวร้าย อย่างเช่นฝนตกหรือมีพายุเพื่อความปลอดภัยค่ะ อีกอย่างขอแนะนำสำหรับคนที่จะเข้าไปชมข้างในนะคะ ควรเตรียมยาหม่อง หรือน้ำมันนวดคอไว้ให้พร้อมค่ะ เพราะด้วยความสูงของเสาและเพดานโบสถ์ เราจึงจำเป็นจะต้องแหงนคอมองอยู่ตลอด ซึ่งขอบอกว่าเมื่อยและทรมานมากๆ ค่ะ

Font Magica โชว์น้ำพุ



ช่วงค่ำคืนในบาร์เซโลน่า หากคุณไม่ใช่ผีเสื้อราตรีที่มีเป้าหมายคือบรรดาผับ บาร์ หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืนแล้วล่ะก็ ขอแนะนำอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนสุดๆ เช่นกันค่ะ แถมยังโรแมนติกมากๆ อีกต่างหาก เหมาะสำหรับการไปเดทจริงๆ นะเธอ นั่นก็คือน้ำ พุมหัศจรรย์ที่เรียกว่า Font Magica ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1929 กระทั่งปัจจุบันด้วยผลงานการออกแบบของ Carles Buigas โดยในช่วงค่ำคืนยกเว้นคืนวันจันทร์ อังคาร และคืนวันพุธ น้ำพุแห่งนี้จะมีการแสดงโชว์ทุกวันค่ะ เป็นโชว์การเคลื่อนไหวของน้ำพุที่อ่อนช้อย รุนแรง และผาดโผนเป็นระยะๆ ซึ่งประกอบไปกับแสงสีหลักๆ คือสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน และดนตรีเพลงแจ๊สอันอลังการงานสร้าง

นอกจากนั้นด้วยสภาพแวดล้อมและทิวทัศน์รอบๆ ยิ่งส่งเสริมให้ Font Magica แห่งนี้โดดเด่นขึ้นอีกค่ะ ทั้งอาคารด้านหลัง Palau Nacional ที่ประดับด้วยแสงไฟสีทอง และภาพวิวของเมืองที่อยู่ทางเบื้องหน้าของน้ำพุ โดยเขาจะเปิดเป็นรอบการแสดงตั้งแต่ทุ่มตรงนะคะ ส่วนในช่วงเทศกาลต่างๆ ก็มีความพิเศษออกไปอีก ก็คือโชว์พิเศษที่ไม่เคยซ้ำกันเลย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูตารางโชว์ได้ทางเว็บไซต์ของเขาค่ะ จะมีบอกชื่อโชว์และรอบการแสดงเสร็จสรรพ หรือวันไหนที่ปิดการแสดงบ้าง เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ไม่ต้องเสียเที่ยวเสียเวลาค่ะ เจ๋งจริงๆ เลยค่ะที่นี่ ขอบอก!!

Montjuic เนินเขา และพิพิธภัณฑ์



อีกหนึ่งไฮไลท์ของบาร์เซโลน่าที่คุณไม่ควรพลาด แน่นอนค่ะนั่นคือการชมวิวของเมืองในมุมสูงในแบบพาโนราม่าให้ฟินไปถึงขั้วปอดไปเลยค่ะ โดยจุดที่นักท่องเที่ยวและชาวเมืองเขานิยมไปกันก็คือเนินเขา Montjuic บนความสูง 180 เมตร ซึ่งเราสามารถเดินทางไปได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถโดยสารประจำทาง จากนั้นจึงต่อด้วยกระเช้าไฟฟ้าจากสถานี Parallel ขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งเขาจะเปิดให้บริการถึงแค่ 20.00 น. เท่านั้นนะคะ ใครอยากขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดิน ต้องกะเวลาให้ดีค่ะ

หลังจากที่ขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว จากเนินเขา Montjuic เราสามารถทอดสายตาชมวิวบาร์เซโลน่าไปได้ไกลถึงท่าเรือเลยล่ะค่ะ โดยข้างบนนี้มันก็จะมีทั้งสวนสาธารณะ มีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1992 ที่สเปนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในช่วงปีนั้นด้วย มีม้านั่งให้นั่งชมวิวจิบบรรยากาศที่สวยงาม มีรถจักรยานให้เช่าปั่นชมสวนและออกกำลังกายไปในขณะเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีพระราชวังที่สร้างขึ้นในศิลปะสไตบ์นีโอบาโร้ก ที่มีลานให้เราเดินขึ้นไปชมวิวสวยๆ ได้แบบ 360 องศา แถมตรงนี้ในช่วงหน้าร้อนเขายังมีภาพยนตร์กางแปลงฉายให้ชมฟรีด้วยนะคะ

โดยในตัวพระราชวังตอนแรกเราคิดว่ามันคงเป็นแค่พระราชวังเก่าเฉยๆ แต่หลังจากสำรวจแล้ว ที่นี่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติของคาทาโลเนียค่ะ ข้างในก็จะมีงานศิลปะแนวเรเนซองส์ โกธิก โรมัน และบาโร้ก รวมถึงงานแนวโมเดิร์นนิสต์อีกด้วย คิดว่าถ้าใครที่รักหรือหลงใหลในงานศิลปะน่าจะชอบพิพิธภัณฑ์นี้นะคะ ที่สำคัญอากาศข้างบนนี้ดีมากๆ เลยค่ะ แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวนี่ต้องเตรียมเสื้อคลุมมาเลยนะคะ ไม่งั้นอยู่ไม่ไหวแน่ๆ ต่อให้สวยขนาดไหนก็เหอะ

Mercat de la Boqueria หนึ่งในตลาดสดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก



หากใครที่ชอบตื่นมาสูดอากาศสดชื่นในช่วงเวลาเช้าๆ แล้วนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเห็นวิถีชีวิตแบบบ้านๆ ของชาวบาร์เซโลน่าแบบชิดติดจอแล้วล่ะก็ ตลาดโบเกเรีย Mercat de la Boqueria หนึ่งในตลาดสดที่มีชื่อเสียงในระดับโลกคือจุดหมายปลายทางของคุณและของเราเช่นกันค่ะ ตลาดแห่งนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยศูนย์รวมอาหารแบบดั้งเดิมให้เราได้เพลิดเพลินมิรู้หน่ายแล้ว ยังเต็มไปด้วยสีสันของผักผลไม้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์หลากหลายชนิดด้วยค่ะ

โดยโบเกเรียเป็นตลาดเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โน่นแน่ะ ว้าวว และที่สำคัญแม้จะเรียกว่าตลาดสดแต่ที่นี่กลับสะอาดมากๆ ไม่เหม็นคาวเลยล่ะค่ะ เหมาะสำหรับเป็นสถานที่มาเดินเที่ยวหาของหม่ำยามเช้าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าใครอยากมาเที่ยวที่นี่เราแนะนำว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็ตอนเช้าๆ แบบนี้เลยค่ะ เพราะถ้าสายกว่านี้จะมีคนพลุกพล่านมาก ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจทำให้เราพลาดหลายๆ อย่างในตลาดไปได้

โดยส่วนใหญ่คนมาตลาดแห่งนี้พวกเขาก็มีจุดหมายคือการหาอาหารอร่อยๆ รับประทานเช่นกันค่ะ เพราะที่นี่ไม่เพียงแค่มีอาหารให้เลือกเยอะแยะมากมายเท่านั้น แต่ยังสดและไม่แพงอีกด้วยหากเทียบกับร้านอาหารข้างนอก ที่สำคัญตลาดโบเกเรียยังตั้งอยู่บนถนน La Rambla ที่ได้ชื่อว่าเป็นถนนคนเดินสุดคลาสสิกของบาร์เซโลน่าอีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยล่ะค่ะ ได้กินอาหารอร่อยๆ แล้ว ยังไปเดินย่อยดูสินค้า ดูความชิลล์ของคนในเมืองนี้ได้อีก และสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวโบเกเรียนะคะ เขาเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เท่านั้นนะคะ วันอาทิตย์ถ้าเผลอมานี่อดค่ะ

La Pedrera หรือ Casa Mila ผลงานของเกาดี้



ปิดท้ายที่ผลงานของคุณลุงเกาดี้ หรือ Antonio Gaudi ผู้ออกแบบโบสถ์ซากราด้าแฟมิเลียนั่นแหละค่ะ ซึ่งที่บาร์เซโลน่ายังมีผลงานของเขาอีกหลายแห่ง ทั้งเป็นบ้านสำหรับพักอาศัยและสวนสาธารณะด้วย และส่วนใหญ่ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทั้งนั้น และที่ La Pedrera หรือ Casa Mila ก็เช่นเดียวกันค่ะ

ความพิเศษของที่นี่ที่เตะตาเราตั้งแต่แรกพบก็คือ ลักษณะของอาคารที่ดูประหลาดด้วยผนังโค้งเป็นรูปคลื่น และระเบียงที่คล้ายๆ กับถ้ำ ซึ่งเกาดี้เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคลื่นและรูปทรงของภูเขาจริงๆ ล่ะค่ะ โดยที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 และ 21.00-23.00 น. แต่ถ้าเข้าชมในช่วงเวลากลางคืนจะแพงกว่ากลางวันนะคะ คือประมาณคนละ 35 ยูโรค่ะ เพราะเขาจะมีมัลติมีเดียฉายให้ชมด้วย แต่ต้องรอคิวนานสักนิดนะคะ เพราะที่นี่ขายดีค่ะ ถ้าใครไม่อยากเสียเงินหรือไม่อยากรอคิวนานก็สามารถเดินถ่ายรูปภายนอกได้ ข้างบนดาดฟ้ามองขึ้นไปจะเห็นรูปปั้นแปลกตาหลายทรงดูสวยแบบประหลาดๆ อาร์ตๆ ดีค่ะ

แต่ถ้าเวลาและเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ ก็ต่อคิวเข้าไปชมได้เลยค่ะ ข้างในถูกตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นนิสต้า ตรงกลางบ้านเขาสร้างให้เป็นสวนขนาดใหญ่ มีแสงสว่างส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึง และมีอาคารล้อมรอบ โดยที่นี่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 9 ชั้นค่ะ คนที่อาศัยอยู่ในนี้เขาจะใช้ลิฟท์ในการขึ้นลง ส่วนสาวใช้ก็จะมีบันไดวนสวยๆ ที่ออกแบบให้คล้ายใบไม้ให้ใช้ค่ะ ถ้าจะให้อธิบายรายละเอียดของบ้านให้มากขึ้น ก็บอกได้เพียงว่ามันคือสไตล์เกาดี้นั่นแหละค่ะ คือใช้มุมโค้ง ใช้เท็กซ์เจอร์แบบธรรมชาติแทนการก่อสร้างแบบเส้นตรงอันน่าเบื่อ นอกจากนั้นที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นบ้านหลังแรกของเมืองที่มีโรงจอดรถใต้ดินอีกนะคะ ทันสมัยมากๆ ขอบอก

ส่วนชั้นดาดฟ้าที่เรามองจากข้างนอกเป็นสิ่งก่อสร้างตะปุ่มตะป่ำน่ะจริงๆ แล้ว คนออกแบบเขาใช้ไอเดียในการออกแบบช่องระบายความร้อนเตาผิง และปล่องต่างๆ ให้มีรูปร่างที่แปลกกว่าปกติค่ะ เรียกว่าฉลาดในการออกแบบจริงๆ เห็นแล้วอยากเป็นเจ้าของเลยล่ะค่ะ แต่ติดตรงที่ว่าที่นี่เขาประกาศให้เป็นมรดกโลกไปตั้งแต่ปี 1984 แล้วน่ะสิคะ เพราะฉะนั้นใครที่อยากเข้ามาอยู่ ต่อให้คุณมีเงินมากขนาดไหนก็หมดสิทธิ์เช่นกันค่ะ

ไม่เพียงแค่ 5 แลนด์มาร์คนี้นะคะที่น่าสนใจ แต่บาร์เซโลน่ายังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่อาจจำให้คุณร้องว้าว!! อีกมากมายค่ะ ทั้งสถานที่ที่ได้รับการออกแบบจากคุณเกาดี้ที่มีเอกลักษณ์อันแตกต่าง ซึ่งเพียงแค่มองเห็นปร๊าดเดียวก็รู้ทันทีว่าใครเป็นคนสร้าง นอกจากนั้นที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีสโมสรฟุตบอลระดับโลกที่ต้องไปเยือนให้ได้ ดังนั้นหากใครมีโอกาสได้มาเยือนสเปน ขอเชิญว่าคุณต้องมาที่นี่ให้ได้เลยค่ะ “บาร์เซโลน่า” 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลจาก Content Marketing Story @Am2b Marketing


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น